ก่อนปี พ.ศ.2507 บ้านแม่คอง ชาวบ้านมีที่อยู่ไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง เข้ามาอยู่ไม่นานก็ย้ายไปจนถึงประมาณปี พ.ศ.2520 มีชาวบ้านมาตั้งบ้านเรือนอยู่ 5 ครัวเรือนเป็นหย่อมบ้านของบ้านแม่ศึก ต่อมามีครอบครัวของ นายบุญทา สิทธิคงขจร และนายดินุ สิทธิวาสนากำเนิดย้ายเข้ามาอยู่ตามลาดับทั้งสองคนเป็นผู้ใหญ่กว้างขวางในท้องถิ่น ได้ก่อตั้งเป็นหมู่บ้านขึ้น จึงมีผู้จากที่อื่นย้ายเข้ามาอยู่ด้วยมากขึ้นจนถึงปี พ.ศ.2543 จึงได้ขอจัดตั้งเป็นหมู่บ้านอย่างเป็นทางการขึ้นเป็นหมู่บ้านแม่คอง หมู่ 16 ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ โดยมีนาย คามา อนุรักษ์พนาวารี เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก ประชาชนในหมู่บ้านเป็นชาวกะเหรี่ยง นับถือศาสนาคริสต์ ปัจจุบัน นายปรีชา รวงทองแม่ศึก เป็นผู้ใหญ่บ้าน
          ตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ฉบับที่ 5 พ.ศ.2560 – 2569 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำริให้ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำรวจพื้นที่หมู่บ้านที่เป็นจุดบอดทางการศึกษา เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในถิ่นทุรกันดารได้มี โอกาสได้รับการศึกษาเทียบเท่ากับคนพื้นราบ ในปี พ.ศ.2563 นายสมชาย สิทธิ์คงขจร สมาชิก อบต.แม่ศึก ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่บ้านแม่คองพร้อม คณะกรรมการหมู่บ้านได้ทำหนังสือถึงกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ขอความช่วยเหลือให้ตำรวจ ตระเวนชายแดนเข้ามาจัดตั้งโรงเรียน ในเดือนมีนาคม 2564 พันตำรวจเอกอภิชาติ รักพงษ์ ผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ได้มอบหมายให้ พันตำรวจโทผดุงเกียรติ ปัณฑรนนทกะ รองผู้กำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 พันตำรวจโทวัชรินทร์ ยศรุ่งโรจน์ ครู (สบ3) พร้อมเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบข้อมูลเพื่อจัดตั้งเป็นโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และดำเนินการขออนุมัติจากกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนต่อไป

         เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2564 นางเฉลิมเกตุ นภาศัพท์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายเงินเพื่อก่อสร้างโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ต่อมาในเดือน สิงหาคม 2564 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอาคารเรียน และอาคารรวมจำนวน 6 หลัง ประกอบไปด้วยบ้านพักนักเรียน อาคารห้องสมุด และห้องพยาบาล อาคารเรียน โรงอาหาร ห้องน้ำ และบ้านพักครู บนพื้นที่ทั้งหมด 9 ไร่ 1 งาน 55 ตารางวา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเป็น "ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสนั่น - เฉลิมเกตุ นภาศัพท์"